จุดเริ่มต้น ที่วงเวียนใหญ่
ฉันกับลูกทัวร์ของฉันก็เลยเดินจากจุดเริ่มต้นก็คือวงเวียนใหญ่ไปยังวัดกัลยาณมิตร ซึ่งเป็นจุดหมายแรกของทริป เพราะอยู่ใกล้ที่สุดหละ
ฝนเริ่มตกปรอยๆ ระหว่างเดินจากวงเวียนใหญ่ไปยังจุดหมายแรก ...
หลังจากเราไปไหว้หลวงพ่อโต(ซำปอกง) คนชวนฉันออกมาเถลไถลนอกบ้านก็บอกว่า ไปวัดอื่นกันต่อ
เราเลยไปยังจุดหมายที่สองวัดอรุณราชวราราม
ก็เช่นเดิม เราเดินจากวัดกัลยาณ์ไปวัดอรุณกัน 555
(แล้วฉันก็ลืมพาไปแอบดูยักษ์วัดแจ้ง ซะอย่างนั้น คนไปด้วยเลยอดไป กร๊าก)
... หากลัดเลาะไปตามถนนอรุณอมรินทร์เราจะพบวัดดังได้ถึงสามวัดคือ
วัดกัลยาณมิตร วัดอรุณราชวราราม และวัดระฆังโฆสิตาราม
หลังจากได้นมัสการพระพุทธธรมมมิศรราชโลกธาุตุดิลกแ้ล้ว ฝนก็เทลงมาอีก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทริปนี้กร่อยลงไป
กลับทำให้ฉันรู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้นด้วยซ้ำ (ชอบฝนตกจัง) แต่คนไปด้วยเป็นคนแพ้ธาตุน้ำ ซวยไป 555+
เราไม่ได้หยุดพักนานเท่าไหร่นัก ฉันเข้าใจเอาเองว่าคนที่ไปด้วยอยากไปหลายๆวัด ฉันกลัวว่าจะไปไม่หมด
เลยค่อนข้างรีบกันไม่ได้หยุดแวะที่ไหนนานๆเลย (ถ้าฉันไปวัดครั้งหน้า จะไปสัก3ที่พอ ไปเอาบรรยากาศวัด ฮึ่ม!)
ฉันและเพื่อนร่วมทริปอีกหนึ่งชีวิตจึงได้เดินลัดเลาะไปตามถนนอรุณอมรินทร์ต่อ เพื่อไปยังวัดระฆังโฆสิตาราม
เพื่อนร่วมทริปของฉัน (อายุอานามก็ไม่ได้เด็กเล้ย อิอิ) รู้สึกตื่นเต้นกับระฆังมาก ถึงกับชวนฉันไปเคาะระฆังด้วย
คงอยากย้อนวัยเสียล่ะมั้ง เพื่อนร่วมทริปบอกว่าฉันเป็นเด็กประหลาดไม่เคาะระฆังอย่างสนุกสนานเหมือนเด็กคนอื่นๆ
คงจะใช่ ... ฉันคิดว่าฉันควรตั้งใจทำความดีจะกว่าเคาะเพื่อความสนุกสนานมากกว่า
ฉันคิดอย่างนี้ตั้งแต่เด็ก ความคิดของฉันเองทำให้ฉันไม่เคยได้เคาะระฆังวัดไหนเลย
หลังจากฉันปล่อยให้เพื่อนร่วมทริปบ้าๆของฉันสนุกสนานกับการเคาะระฆังที่วัดระฆังเป็นเวลาพอสมควรแล้ว
ฉันก็เร่งถามว่าไปไหนต่อ .... เราจึงไปยังท่าน้ำวัดระฆังเพื่อต่อเรือข้ามฟากไปยังท่าช้างกัน (อัตราค่าบริการ 3.50 บาท/คน ค่ะ)
(เพื่อนร่วมทริปผู้แพ้ธาตุน้ำของฉันแอบมองหาห่วงยางชูชีพด้วยล่ะ 55)
หลังจากที่ข้ามฟากมายังท่าช้าง เราก็วางแผนไปยังวัดโพธิ์กันต่อ
(ฉันรู้ว่าชื่อท่าช้าง ใกล้ๆวัดโพธิ์ แต่เพื่อนร่วมทริปของฉันรู้จักแค่ว่ามันเป็นท่าเรือ ฮาได้อีกรอบ)
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือที่เรียกกันติดปากว่าวัดโพธิ์ ... เป็นจุดหมายที่สี่ของวันนี้
และครั้งนี้ฉันไม่ลืมเดินหายักษ์วัดโพธิ์ให้เพื่อนร่วมทริปดูเป็นขวัญตา
เพื่อนร่วมทริปของฉันตกใจมาก เมื่อเห็นขนาดของยักษ์วัดโพธิ์ที่ฉันชี้ให้ดู (ก่อนจะเจอ เกือบพากันหลง 55)
ฉันยังขำเพื่อนร่วมทริปของฉันไม่หาย เรื่องที่เขาตกใจแค่ไหนเมื่อเจอยักษ์ไซด์น่ารักเข้าไป
ถ้าเจอกันอีก เรื่องนี้ฉันคงเก็บไว้แซวได้อีกนาน กร๊ากกกกกกก
สรุปกันก่อนสักนิดว่าเดินทางมายังไงบ้างแล้ว
วงเวียนใหญ่ --เดิน--> วัดกัลยาณมิตร --เดิน--> วัดอรุณราชวราราม --เดิน--> วัดระฆังโฆสิตาราม
--นั่งเรือ--> ท่าช้าง --เดิน--> วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
หลังจากฉันพาเพื่อนร่วมทริปเกือบหลงในวัดโพธิ์แล้ว
เพื่อนร่วมทริปของฉันก็เอ่ยถามฉันว่า "จากที่นี่ ไปศาลหลักเมืองหรือวัดพระแก้วใกล้กว่ากัน" ฉันจึงบอกให้ไปศาลหลักเมืองก่อน
เราจึงเดินจากวัดโพธิ์ลุยกันต่อทีศาลหลักเมืองจุดหมายปลายทางที่ห้าของเรา
ฝนก็เริ่มตกมาอีกแล้ว ตกๆหยุดๆ สนุกดี เย็นดีด้วย =)
แล้วก็เดินไปวัดพระแก้วกันต่อ แต่ฉันใส่กางเกงขาสั้นเลยไม่ได้เข้า
คนไปด้วยเค้าอยากเข้า ฉันบอกว่าฉันรอข้างนอกได้ เขาก็ดื้อไม่ยอมเข้า 55 .... เออดี เลยไม่ต้องเข้ากันสักคน ไหว้กันข้างนอกนี่แหละ
หลังจากทั้งฉันและเพื่อนร่วมทริปดื้อกันไปคนละยก ก็เริ่มหิวซะแล้ว
(คนร่วมทริปคงรู้ดี พลัดกัน ทีใครทีมันนะเออ หุหุ)
ด้วยความที่ฉันเป็นเด็กกรุงเทพฯโลกแคบ เลยต้องพึ่งเพื่อนร่วมทริปพาไปฝากท้องที่ไหนสักแห่ง
เพื่อนร่วมทริปจึงพาฉันเดินไปยังธรรมศาสตร์ กินแถวๆนั้นแหละ สั่งข้าวหมูกรอบ1 ข้าวหมูแดงหมูกรอบ1 ได้ข้าวหมูแดงหมูกรอบมา2 ซะอย่างนั้น
แต่ก็ไม่เป้นไร กินได้เหมือนกันเลยไม่ได้เปลี่ยน คนขายก็งงๆ 55+ กินไม่หมดด้วยอิ่มบุญเกินไป 5555
"กินหมูให้หมด"ประโยคนี้ทำฉันเริ่มงง ฉันมากับใครเนี้ย นึกว่ามากับแม่ตัวเอง เง้อ
แล้วก็มีคนพาเดินทัวร์ธรรมศาสตร์ ทั้งๆที่ไม่ใช่เด็กธรรมศาสตร์ ก็ดีแปลกดี ...
เพิ่งเคยมาเหยียบพื้นดินรั้วธรรมศาสตร์ก็ครั้งนี้แหละเป็นครั้งแรก โดยการพาทัวร์ของเด็กเกษตรฯ (ซะงั้น)
เหมือนฉันจะไม่ค่อยได้ดูอะไรเท่าไหร่ด้วย เดินกันเร็วทั้งคู่ แถมยังมีหัวข้อสนทนาสนุกๆอีก(การเมืองไง55) ก็เลยดึงความสนใจไปหมด
หลังจากอิ่มท้องเราก็เดินไปตามถนนพระอาทิตย์
ผ่านสวนสันติไชยปราการ ไปยังวัดชนะสงครามราชวรมหาวิหารฝนหยุดตกพรำแล้วอากาศเย็นกำลังดีเชียว
แล้วเพื่อนรวมทริปก็พาเดินไปทางถนนข้าวสาร เพื่อนร่วมทริปบอกว่าเป็นถนนที่หาป้ายภาษาไทยไม่ได้
แล้วฉันก็เจอป้ายจราจร ... นั่นไงป้ายภาษาไทย ตามป้ายร้านต่างๆก็มีชื่อภาษาไทยกำกับ
ฉันก็ชี้ให้เพื่อนร่วมทริปดู 555 (เหวอไปเลย)
เราไม่ใช่ส!ิ เพื่อนร่วมทริป ตั้งใจจะไปศาลเจ้าพ่อเสือ ระหว่างที่เดินกันไป ก็ผ่านวัดมรรณพาราม
แวะอีกตามเคย ...
นี่คือประโยชน์ของการเดิน มีที่ให้แวะเยอะแยะเลย =)
แล้วก็ถึงศาลเจ้าพ่อเสือจนได้ (ครั้งแรกของฉันเลย ต้องขอบคุณเพื่อนร่วมทริปที่พามาอีกครั้ง)
ฉันเห็นคนเยอะแยะถือธูปเป็นกำๆ อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาไหว้กันยังไง แม้ฉันจะพอมีเชื้อจีนอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้รู้อะไร ที่เป็นประเพณีวัฒนธรรมจีนอยู่เลย
ถามคนทีี่ไปด้วย เขาก็อธิบายให้ฟัง แต่ฉันก็ยังงงๆอยุ่ดี 555+
หลังจากไปหลงอยู่กับกลิ่นควันธูป และมึนไปกับการไหว้แบบจีน
เราก็ไปยังศาลากลางกรุงเทพมหานครกันต่อ ดูเสาชิงช้า .. และแวะไปยังวัดสุทัศน์เทพวราราม
หลังได้สักการะพระศรีศากยมุนีเป็นที่เรียบร้อย ฉันก็พาไปวัดที่ไม่ได้อยู่ในกำหนดการของเพื่อนร่วมทริปต่อ
วัดเทพธิดาราม และวัดราชนัดดาราม ที่วัดเทพธิดารามเป็นวัดที่ท่านสุนทรภู่เคยมาจำพรรษาอยู่ด้วย
ฉันว่าจะพาเพื่อนร่วมทริปไปดูกุฏิสุทรภู่อยู่ ... แต่ฉันจำไม่ได้ว่าอยู่ตรงไหน เพื่อนร่วมทริปเลยแห้วไป
และก็เดินข้ามคลองเล็กๆ ไปยังวัดราชนัดดาราม
เที่ยวชมโลหะปราสาท (อย่างเหนื่อย-*-) นมัสการพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่บนยอดด้วย
แม้จะเหนื่อยเพราะต้องเดินขึ้นบันไดเวียนแต่เมื่อได้สัมผัสอากาศเย็นๆที่บนยอดโลหะปราสาท ก็ดูเหมือนความรู้สึกเหนื่อยจะพลันหายไปหมด
(ตอนนั้นนึกว่าอยู่คนเดียว เกือบลืมไปว่ามีคนร่วมทริปมาด้วยอีก1ชีวิตแหนะ55)
ออกจากวัดมายังลานพลับพลาเจษฎาบดินทร์
ก็มีเสียงชักชวนให้ไปภูเขาทอง ... แอบคิดในใจ ยังไม่เหนื่อยเหรอเนี้ย ฉันก็เลยว่าเอายังไงเอากัน เป็นยังไงเป็นกัน ไปก็ไป
ก็เลยได้ไปพิชิตวัดสระเกศ มาเป็นที่เรียบร้อย ขึ้นไปถึงยอด สวยจังเหมือนภูเขาจริงๆเลย ลมก็พัดเย็นสบาย มีความสุขที่สุด =)
หลังจากเดินลงมาจากภูเขาทอง ก็รีบมองหาเซเว่นอย่างจริงจัง (เวลาเหนื่อยๆ ทรอปิคานาทวิตเตอร์ช่วยได้เยอะนะ)
ถือเป็นการจบทริปทัวร์วัดด้วยการเดินสุดโหดเป็นที่เรียบร้อย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น